เสียแรงเรียกว่าครู!ผู้ปกครองเด็กพิจิตรแห่ขึ้นโรงพักแจ้งจับครูณีติวเตอร์ห้องแถวให้ลงทะเบียนเรียนพิเศษแล้วเชิดเงินหนี

เหตุเกิดขึ้นที่เมืองพิจิตร บรรดาผู้ปกครองนับสิบคนทยอยเดินขึ้นโรงพักแจ้งความหลังจากเจอเล่ห์เหลี่ยมติวเตอร์ห้องแถวชักชวนให้เด็กลงทะเบียนเรียนพิเศษช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน จัดคอร์สเรียนพิเศษทั้งระยะสั้นและระยะยาวมีโปรโมชั่นสารพัดโปรเจ็คจูงใจตีสนิทผู้ปกครองยืมเงิน แม่ป่วยฟอกไต ชักชวนคนใจอ่อนทาสหมาแมวบริจาคเงินสร้างที่พักน้องหมา-แมว สุดท้ายน้ำลดตอผุดเชิดเงินรวมกว่า 2 ล้านบาท หนีหายเข้ากลีบเมฆ ทิ้งเด็กได้ลงคอ

วันที่ 28 มีนาคม 2566 พ.ต.อ.อนุพันธ์ สุสม ผกก.สภ.เมืองพิจิตร เปิดห้องทำงานให้บรรดาผู้ปกครองหลายท่านเข้าร้องทุกข์และปรึกษาเพื่อจะดำเนินคดีกับครูติวเตอร์ห้องแถวที่เปิดสอนเรียนพิเศษชักชวนให้ลงทะเบียนเรียนแล้วเชิดเงินหนี โดยให้คำแนะนำและให้พนักงานสอบสวนอำนวยความสะดวกดำเนินการรับแจ้งความและลงบันทึกประจำวันเพื่อดำเนินคดีต่อไป

โดยตัวแทนผู้ปกครอง 3 ท่าน ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเมื่อวันเสาร์ที่ 25 และวันอาทิตย์ที่ 26 มี.ค. 66 ว่า พวกตนจำนวนนับสิบคน ซึ่งล้วนเป็นผู้ปกครองของเด็กๆ ตั้งแต่ระดับชั้น ป.1-ป.6 และ ม.1-ม.3 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ-พนักงานรัฐวิสาหกิจ-อาชีพค้าขายที่มีบุตรหลานอยู่ในวัยเรียน จึงอยากให้บุตรหลานได้มีอนาคตจึงได้ส่งให้ไปเรียนพิเศษในตอนเย็นและในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนกับครูท่านหนึ่ง ที่มาเช่าห้องแถวอยู่แถวถนนสระหลวง ซึ่งเปิดเป็นสถานที่กวดวิชาหรือเรียนพิเศษ โดยสอนวิชาวิทยาศาสตร์-ชีวะเคมี+การทดลองเรียนแบบในห้องแล็ปของวิชาวิทยาศาสตร์ ซึ่งโรงเรียนสอนพิเศษแห่งนี้มีครู ชื่อ “ครูณี” เป็นเจ้าของและมีครูผู้ช่วยอีก 2 คน เป็นครูช่วยสอนเท่าที่ทราบก็เปิดสอนมาแล้ว 2-3 ปี จัดได้ว่าให้ความรู้สื่อการสอนกับเด็กๆได้อยู่ในเกณฑ์ดี

โดยครูท่านนี้ก็จะสนิทชิดเชื้อกับผู้ปกครองของเด็กๆ ด้วยการมีเบอร์โทร มีไลน์ส่วนตัว ที่คุยกันเรื่องการเรียนของลูกๆ แต่มาระยะหลัง “ครูณี” ก็จะขอยืมเงินอ้างว่าแม่ป่วยต้องฟอกไตเข้าโรงพยาบาลและต้องใช้เงินจำนวนมากบริจาคให้โรงพยาบาลสร้างห้องและซื้ออุปกรณ์ฟอกไต รวมถึงสร้างภาพว่าเป็นคนรัก หมา-แมว และมีสัตว์เลี้ยงเหล่านี้อยู่ในความดูแลเป็นจำนวนมาก ก็เชิญชวนผู้ปกครองเด็กๆที่เรียนพิเศษที่เป็นคนใจอ่อนเป็นทาส หมา-แมว ให้ร่วมบริจาคค่าอาหาร ให้ร่วมสร้างที่พักพิงน้องหมา-แมว บางคนก็บริจาคเป็นพัน-เป็นหมื่น นอกจากนี้ก็ขอยืมเงินและให้จ่ายเงินลงทะเบียนเรียน มีโปรโมชั่นจ่ายเรียนทั้งปีจะได้ราคาถูก โดยแต่ละคนเสียเงินตั้งแต่ 4,000 ถึง 60,000 บาท รวมแล้วจำนวนนับสิบราย

ความมาแตกและเป็นเรื่องก็เมื่อวันที่ 17-18 มี.ค. 66 “ครูณี” ปิดบ้าน-ปิดสถานที่สอนพิเศษที่เป็นห้องแถว อ้างว่าติดธุระถามครูผู้ช่วยสอน 2 คน ก็บอกไม่รู้เรื่อง ติดต่อ “ครูณี” ไม่ได้ บรรดาผู้ปกครองก็เริ่มเอะใจ จากนั้นทุกคนที่เป็นผู้ปกครองของเด็กๆ เริ่มตั้งกลุ่มไลน์และพูดคุยกันว่า “ครูณี” มีปัญหาแน่ๆ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 66 บรรดาผู้ปกครองจึงไปที่สถานที่สอนพิเศษที่เป็นห้องแถวของ “ครูณี” ปรากฎว่าภายในห้องมีแต่ความว่างเปล่า โต๊ะ เก้าอี้ คอมพิวเตอร์ อันตรธานหายไปจนหมดสิ้น จึงไปขอดูวงกล้องวงจรปิดจากบ้านที่อยู่ติดกันจึงได้รู้ว่า “ครูณี” ขนย้ายทรัพย์สินและอุปกรณ์การเรียนการสอนหนีหายไปแล้ว รวมถึงยังได้ปิดเฟสบุ๊ก ปิดมือถือ เชิดเงินลงทะเบียนเรียนพิเศษ เรียมซัมเมอร์ เงินที่กูยืมผู้ปกครอง รวมแล้วหลายสิบรายเป็นวงเงินประมาณ 2 ล้านบาท เมื่อบรรดาผู้ปกครองรู้ว่าถูก “ครูณี” เชิดเงิน ฉ้อโกงจึงได้แห่ทยอยกันมาแจ้งความที่ สภ.เมืองพิจิตร เพื่อให้ตำรวจติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป ซึ่งร้อยเวรก็จะทำการสอบสวนข้อเท็จจริงและพร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายอีกด้วย

ทีมข่าวภูมิภาค จ.พิจิตร

 

Related posts